แนะนำวิธีเรียนภาษาอังกฤษให้ได้ผล
อย่างคนฉลาด
Credit Photo: https://stocksnap.io/photo/OXX7SSP9DG
อยากเรียนภาษาอังกฤษให้ได้ผลต้องฝึกฝนอย่างฉลาด
การเรียนรู้ภาษาอังกฤษให้ได้ผล
ผู้เรียนไม่ว่าจะอยู่ในระดับใดก็ตามจะต้องเรียนรู้ไปทีละขั้นโดยการฝึกทั้งทักษะการฟัง
พูด อ่าน เขียน และคงต้องเพิ่มเรื่องการแปลเข้าไปอีกด้วย แม้หลายๆ คนเคยพูดว่า “ภาษาอังกฤษง่ายนิ๊ดเดียว...แต่ย๊ากส์มากจริงๆ นะ” ส่วนนี้ก็ขึ้นอยู่กับผู้พูดว่ามีทักษะมากหรือน้อยเพียงใด
บางคนถนัดพูดและฟัง ไม่ถนัดเขียนและอ่าน
บางคนไม่ถนัดฟังไม่ถนัดพูดแต่ถนัดอ่านและถนัดเขียน หรือบางคนถนัดทั้งการฟัง พูด
อ่าน เขียน...เห็นไหมคะว่าคนเรามีความรู้ความสามารถที่ไม่เหมือนกัน
ถึงกระนั้นก็สามารถฝึกได้คะ
และคนที่จะเรียนรู้หรือพร้อมที่จะฝึกต้องอาศัยหลักการเตรียมความพร้อมกันก่อน...แบบ SMART ENGLISH เรียนภาษาอังกฤษอย่างคนฉลาด อ้าว...แล้วมันคืออะไรล่ะ
S = Study มีการศึกษา ค้นคว้าอยู่เสมอ
เพื่อให้มีข้อมูลในการเรียนรู้ที่จะช่วยให้เกิดความเข้าใจด้านภาษามากยิ่งขึ้น
มีสื่อมากมายในลักษณะต่างๆ ที่ต้องการให้เรียนรู้ภาษาอังกฤษในแต่ละทักษะ
จะเป็นทักษะการฟัง พูด อ่านหรือเขียน สามารถเรียนรู้ได้โดยทั่วไป
ไม่ว่าจะเป็นโลกอินเตอร์เน็ต เช่น การเรียนออนไลน์ การเรียนจากบทเรียนสำเร็จรูป
หนังสืออิเล็คทรอนิค รวมทั้งป้ายโฆษณา ภาพยนตร์ต่างประเทศ หรืออีกมากมาย
ซึ่งเหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการเริ่มต้นเอาจริงเอาจัง และเห็นประโยชน์ของภาษา
ไม่นั่งเฉยหรือแค่ฝันไป
M = Mind มีใจรัก มีความตั้งใจจริง
การที่จะเรียนรู้ภาษาต่างประเทศอีกภาษาหนึ่ง
จึงต้องเรียนรู้อย่างไม่ย่อท้อหรือบ่นขี้เกียจ รำคาญ นั่น นุ่น นี่ แต่ต้องมีใจรัก
ใฝ่เรียนใฝ่รู้โดยไม่มีใครบังคับ หากแต่มาจากความต้องการของหัวใจตนเองจริงๆ
หรือถ้าไม่เต็มหัวใจก็ขอเพียงครึ่งหรือเสี้ยวหนึ่งก็ได้...หากไม่ได้ใจใฝ่เรียนรู้ก็ยากนักที่จะประสบผลสำเร็จ
A = Ambitious มีความทะเยอทะยาน
ปรารถนาอย่างแรงกล้าที่จะเรียนรู้ภาษาอังกฤษให้ประสบผลสำเร็จ
มีอาชีพที่มั่นคง...คิดฝันให้ไกล และพยายามไปให้ถึง เช่นอยากไปทำงานเมืองนอก
ก็ต้องเรียนรู้ภาษาให้มาก แล้วพยายามหาหนทางไปให้ได้
ก่อนไปก็ควรฝึกทักษะภาษาอังกฤษให้ได้ก่อนเป็นทุนสำรองสำหรับการสื่อสารกับชาวต่างชาติ
ซึ่งพวกเขาไม่ได้ใช้ภาษาไทยในการสื่อสารอย่างแน่นอน
R = Roles มีการแสดงออกตามบทบาท
ไม่อายที่จะแสดงออกมาต่อหน้าผู้อื่นในแต่ละสถานการณ์
พูดง่ายๆ คือระหว่างฝึกทักษะให้สมมุติตนเองเป็นดารา หรือคนดัง สร้างจินตนาการที่สร้างสรรค์ ถึงตัวคุณเอง แล้วพูดสำเนียงฝรั่งกระดี๊กระด๊า
ใช้ภาษาอังกฤษอย่างมั่นใจ พูดแบบไม่ยี่หระว่าใครจะว่าดัดจริต..ฝึกพูดภาษาอังกฤษไม่ลดละ...ไม่อายหรือท้อแท้...คิดเสียว่าฉันนี่ตัวแม่เลยนะ
เมื่อพูดได้แล้ว ก็ลงมืออ่าน อ่าน อ่าน
ให้มากเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของการเขียนต่อไป...รับรองสนุกคะ
T = Try out มีการทดลองปฏิบัติ
นำภาษาอังกฤษไปใช้หลังจากที่ได้เรียนรู้แล้ว
โดยเฉพาะอย่างยิ่งนำไปใช้กับเจ้าของภาษาโดยตรงนั่นแหละคะ
เห็นฝรั่งแล้ววิ่งรี่เข้าใส่..ไม่วิ่งหนี ใช้พลังการเรียนรู้ในตัวคุณให้เต็มที่
ก้าวข้ามอุปสรรคทั้งหลายทั้งปวง ตั้งเป้าหมาย ให้เข้าถึงการลงมือปฏิบัติจริงๆ เพราะหากไม่ได้นำไปทดลองใช้ก็เท่ากับคุณหลอกตนเอง เรียนมาแล้วก็ไร้ประโยชน์
E = Enthusiastic มีความกระตือรือร้น
พร้อมที่จะพัฒนาทุกทักษะ
และกระตือรือร้นที่จะฝึกฝนหรือทำทุกอย่างอย่างต่อเนื่อง
ตั้งเป้าไว้เลยว่าในแต่ละวันจะฝึกพูดกี่ประโยค จะอ่านกี่หน้า หรือจะเขียนกี่อย่าง
จะฟังกี่เรื่อง แล้วประเมินระดับการพัฒนาด้านภาษาของตนเองไปทีละขั้นๆ
กำหนดแผนสู่ความสำเร็จและการยอมรับ แต่คุณจะต้องซื่อสัตย์กับตนเองและมีวินัยไม่ผัดวันประกันพรุ่งในการฝึกฝน
N = Note มีการจดบันทึกการเรียนรู้
ในแต่ละทักษะให้จดบันทึกไว้เพื่อช่วยให้เกิดความจำ
ทำให้เป็นธรรมชาติหรือเป็นนิสัยไม่ฝืนความรู้สึก เพราะการจดบันทึกช่วยทำให้ความคิดตกผลึกและไปกระตุ้นการปฏิบัติ ไม่ควรบ่นว่าการจดบันทึกคืองานหนัก...ไม่รู้จะจดหรือเขียนยังไง...แต่ให้จดแบบมีเป้าหมาย
ให้ตนเองเข้าใจได้ง่าย เมื่อเข้าใจโดยตัวเราแล้วทุกอย่างก็จะง่ายยิ่งขึ้น ย้ำนะคะ...จงเรียนรู้จากความลำบากของคุณเอง
เพราะความลำบากเป็นเหมือนประตูชัยไปสู่เป้าหมายที่ต้องการ
G = Grammar มีความรู้เรื่องหลักภาษา
นำภาษาไปใช้ให้ถูกต้องตามกาลเวลา
บุคคลและสถานการณ์ที่เกี่ยวข้อง
ความแม่นยำด้านหลักภาษาช่วยสร้างความน่าเชื่อถือระหว่างผู้รับและผู้ส่งสาร
ซึ่งจะได้รับคำชื่นชมในทางบวกมากกว่าคำวิพากษ์วิจารณ์ในทางลบ
จะได้มีกำลังใจในการสู้ต่อ เพราะเชื่อว่า ใช้ภาษาผิดเครดิตลด ใช้ภาษาถูกกฎเครดิตเพิ่ม...แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าภาษาต้องเป๊ะๆ
ตามหลักภาษาจนกระดิกกระเดี้ยวไม่ได้
ทั้งนี้ทั้งนั้นขึ้นอยู่กับเป้าหมายการนำไปใช้ต่างหากละ
L = Leader มีความเป็นผู้นำ
เมื่อเรียนรู้แล้วกล้าแสดงออกทางภาษาอย่างมั่นใจ
ก็จะสามารถนำเสนอได้อย่างน่าภาคภูมิ และสามารถนำผู้อื่นได้ไม่ลังเล
ถือว่าเป็นอัจฉริยภาพที่คุณมีได้
และจงเชื่อมั่นในการก้าวของตัวเองที่ไม่ใช่คุณคนเดิมอีกต่อไป
เพราะคุณคือผู้นำที่เก่งและฉลาด และคุณก็คือคนสำคัญคนหนึ่งนั่นเอง
I = Income มีการสร้างรายได้
เป็นรายได้จากการนำความรู้ด้านภาษาไปใช้อย่างเกิดประโยชน์
จะเป็นลักษณะงานอดิเรกหรืองานประจำก็ทำได้ เป็นทางเลือกที่ไร้ขีดจำกัดของคนมีศักยภาพ
เมื่อมีรายได้ก็ต้องวางเป้าหมายของการกระจายรายได้ให้เพิ่มมากขึ้น
ไม่หยุดอยู่กับที่แต่อาจจะก้าวไปอย่างช้าๆ และระมัดระวัง
เมื่อชำนาญแล้วค่อยเร่งความเร็วขึ้นตามลำดับ
และคุณจะรู้ว่ารายได้ที่ได้มาคือสิ่งที่จะสะท้อนให้เห็นว่าคุณใช้ภาษาได้อย่างมีประสิทธิภาพเพียงใด
S = Success มีความสำเร็จ
เกิดจากความตั้งใจเรียนรู้และการใช้นำภาษาอังกฤษไปใช้อย่างเหมาะสม
ภาษาจึงถือว่าเป็นกุญแจสำคัญสู่ความสำเร็จได้
แม้มันจะไม่ใช่มรดกตกทอดมาจากบรรพบุรุษ
แต่มันสำเร็จได้จากการวางแผนของคนธรรมดาเพื่อทำให้สิ่งใดสิ่งหนึ่งให้ออกมาดีเป็นพิเศษ
ซึ่งความสำเร็จมักจะมีส่วนสัมพันธ์กับการเงิน
หรือความร่ำรวยและมีความเจริญรุ่งเรือง
คนรู้ภาษามากกว่าหนึ่งภาษาจึงมีโอกาสประสบผลสำเร็จและร่ำรวยมากกว่าคนธรรมดา
แต่จะว่าไปแล้ว ความสำเร็จที่แท้จริงก็มากกว่าความร่ำรวย...ซะอีกนะ
H = Happiness มีความสุข
เป็นความสุขที่เกิดจากการให้โอกาสกับตัวเราในการพัฒนาตนเองด้านภาษา
เปรียบภาษาได้กับ “ขุมทรัพย์” ที่สามารถนำไปสู่ความสำเร็จในทุกด้าน
เป็นสะพานเชื่อมสัมพันธภาพอันไร้ขีดจำกัด เป็น “มหาสมุทรแห่งปัญญา” ที่ไร้ขอบเขต
และ “ความสุข” คือความปรารถนาของทุกชีวิต
ข้อสำคัญคือ คุณต้องมี ใจรัก การเรียนรู้ด้านภาษา
และมีเป้าหมายในการลงมือฝึกฝน ปฏิบัติ เรียนรู้แบบตอกย้ำซ้ำทวนบ่อยๆ
จะช่วยให้มีความเชี่ยวชาญมากยิ่งขึ้น
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น